จ้าง Out Source เขียนบทความ SEO ให้ดีไหม ? [มีคำตอบ]
นี่คือปัญหาโลกแตกเลย!! ของคนที่เขียนไม่เก่ง และไม่รู้ว่ […]
Dofollow และ Nofollow Link คือรูปแบบของการทำลิ้งค์อย่างหนึ่ง ที่มีการตั้งค่า, ฝังโค้ด หรือใส่ชุดคำสั่งบางอย่างลงไปใน HTML Code นั้นๆ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณบอกกับบอทของ Search Engine ต่างๆ ว่านี่คือลิ้งค์ที่เราทำเอาไว้นะ ให้เก็บข้อมูลต่อส่งคะแนนไปด้วย (Dofollow) หรือไม่ต้องไปสนใจมากไม่ต้องส่งคะแนนไปด้วย (Nofollow) แค่ทำไว้เฉยๆ
ในอดีต..ซึ่งก็น่าจะมีการนำมาประยุกต์ใช้กันจนปัจจุบันอยู่บ้างแหละ เป็นการใส่ไว้สำหรับลิ้งค์ที่ออกจากเว็บของเราเอง ไปยังเว็บอื่นๆ ที่คนละชื่อเว็บไซต์ หรืออยู่คนละ โดเมน (Domain Name) กัน เพื่อป้องกันการตกของอันดับเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์ของเรา เปรียบเหมือนแก้วที่มีรูรั่วออกนั่นเอง
หรือถ้าจะย้อนไปในอดีตที่ไกลกว่านั้น เขามักทำกันเพื่อป้องกันค่า PageRank (PR) ของเว็บไซต์ลดลง แต่ก็มีการซื้อขายลิ้งค์กันเยอะมากในอดีต จากเว็บไซต์ที่มีค่า PR สูงๆ ทำลิ้งค์ไปยังเว็บปั่นต่างๆ เพื่อให้คะแนนเว็บตัวเองนั้นสูงขึ้น และมีโอกาสในการทำอันดับมากขึ้น หากแต่ในปัจจุบัน Google ได้เลิกใช้ค่าดังกล่าวในการทำนวนอันดับแล้ว
จากประสบการณ์ SEO ของผมเองนั้นมองว่าการทำลิ้งค์ออก (Outbound Link) ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากนัก บางทีก็ใส่ dofollow บ้าง, nofollow บ้าง หรือไม่ได้ตั้งค่าอะไรกับมันเพิ่มเติมเยอะ แค่ตระหนักไว้เสมอว่า ทุกครั้งที่มีการทำลิ้งค์ออกไปยังที่อื่นๆ จะต้องมีความเกี่ยวข้อง ถูกต้อง เชื่อมโยง เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านเสมอเท่านั้นก็พอ
ตัวอย่างการใช้ Code HTML สำหรับลิ้งค์แบบ No Follow
<a href="URL หน้าที่เราต้องการลิ้งค์ไป" rel="nofollow">ข้อความลิ้งค์</a>
สุดท้ายนี้ใครใคร่ที่จะใส่ หรือไม่ใส่ ก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่หากเน้นสบายใจ ทุกครั้งที่ทำลิ้งค์ออก ก็ใส่ Nofollow เอาไว้ก็ได้ไม่มีปัญหาอะไร หรือถ้าใครที่ใช้ เวิร์ดเพลส (WordPress) ยิ่งง่ายเลยเพราะมี ปลั๊กอิน Nofollow Links ให้เลือกติดตั้งใช้งานได้แบบฟรีๆ เยอะแยะมากมาย ที่แบบติดตั้งแล้วระบบคอยจัดการลิ้งค์ให้เราเองเลย
นี่คือปัญหาโลกแตกเลย!! ของคนที่เขียนไม่เก่ง และไม่รู้ว่ […]
ปัญหาที่พบบ่อยมากที่สุดของการสร้างสรรค์เนื้อหาต่างๆ ที่ […]
Google Sandbox คือหนึ่งในอัลกอริทึมของ Google หรือจะเรี […]